จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | เหรียญ |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
เป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระอุโบสถวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๙ สังกัดธรรมยุตินิกาย มีคำเลื่องลือในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์อย่างมากมาย ด้วยการสร้างเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชกุศลต่อสมเด็จพระนเรศวร์มหาราช เป็นพระพุทธปฏิมาที่ประทับอยู่บนพื้นแผ่นดินอย่างแท้จริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จเททองหล่อ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๓ ณ อุโบสถรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร ในกาลครั้งนี้ พระพุทธที่นำบรรจุ มีพระพุทธรูป ภปร.ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว ๙นิ้ว ปี๒๕๐๘,พระไพรีพินาศ ปี๒๕๐๕ ขนาดหน้าตัก ๓ นิ้ว,รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ปี๒๕๐๖ ผู้เป็นอุปัชฌาย์จารย์ ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
เหรียญพระพุทธญาณนเรศวร์ ด้านหลัง ภปร. สก. วัดญาณสังวราราม ปี 2527 รุ่นแรก เนื้อทองแดง พร้อมซองเดิม ซีนเดิม มาพร้อมกันทีเดียว 5 เหรียญ ครับ
****ประวัติการสร้างสมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์ วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร****
ที่เคยสงสัยว่า ทำไมจึงศักดิ์สิทธิ์
ถ้าไม่ได้เห็นภาพในอดีต และบันทึกจากผู้ที่อยู่เหตุการณ์ในวันนั้นมาประกอบในการเล่า คนรุ่นหลังคงมองเพียง พระประธานในพระอุโบสถวัดญาณสังวราราม
สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์
เป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระอุโบสถวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๙ สังกัดธรรมยุตินิกาย มีคำเลื่องลือในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์อย่างมากมาย ด้วยการสร้างเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชกุศลต่อสมเด็จพระนเรศวร์มหาราช เป็นพระพุทธปฏิมาที่ประทับอยู่บนพื้นแผ่นดินอย่างแท้จริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จเททองหล่อ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๓ ณ อุโบสถรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร ในกาลครั้งนี้ พระพุทธที่นำบรรจุ มีพระพุทธรูป ภปร.ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว ๙นิ้ว ปี๒๕๐๘,พระไพรีพินาศ ปี๒๕๐๕ ขนาดหน้าตัก ๓ นิ้ว,รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ปี๒๕๐๖ ผู้เป็นอุปัชฌาย์จารย์ ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สำหรับท่อที่อัดดินต่อขึ้นมาถึงฐานองค์พระ ก็ด้วยที่จะให้พระพุทธญาณเรศวร์ ได้ประทับนั่งบนแผ่นดิน เพื่อแผ่บารมี โดยการต่อท่อบรรจุดินขึ้นมาจนถึงฐานชุกชีเพื่อเป็นการอัญเชิญพระพุทธบารมีให้แผ่ไปทั่วผืนปฐพี พรหมเทพ เทวดา ทั้งหลายเสด็จแวดล้อมรักษา จึงมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่
เมื่อครั้งที่บรรจุพระในพระพุทธญาณนเรศวร์ ตอนที่สร้างองค์พระครึ่งองค์ ท่านสุริยะ จงอติเรกลาภ และคุณทินกร รัตนกุสุมภ์ ได้นุ่งชุดขาว ลงไปบรรจุพระ โดยมีเด็กชายกลกร รวบรวม ,เด็กชายฐิติพัฒน์ รวบรวม ลูกศิษย์รับใช้ แล้วจึงประกอบท่อนบนขององค์พระต่อ และหลังจากบรรจุพระด้านบนพระรัศมีแล้วเสร็จ จึงได้ลงรักปิดทอง
อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนิน บรรจุพระบรมธาตุในยอดพระเกศมาลา และปิดทับด้วยพระรัศมี และทรงอัญเชิญพระกรัณฑ์ทองคำที่สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชนนีทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ลงในพระเศียร พระพุทธญาณเรศวร์ ในองค์สมเด็จพุทธญาณนเรศวร์ จึงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธพิมพ์เท่าพระธรรมขันธ์ ในที่นี้จะเผยแผ่ปาฏิหาริย์แห่งองค์สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์ เพื่อเสริมศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นปรากฏว่ามีคราบน้ำไหลจากพระเนตร
สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์ ทรงแสดงปาฏิหาริย์ตั้งแต่แรกเริ่มที่จัดสร้างด้วยผู้สร้างได้ใช้ต้นแบบจากองค์สมเด็จพุทธชินสิห์ พระประธานวัดบวรนิเวศวิหาร มาเป็นแบบปั้นหุ่น เมื่อตรวจแบบหุ่นขี้ผึ้งเป็นที่เรียบร้อยจึงจัดพิธีเททองขึ้น เมื่อเททองเสร็จปรากฏว่าไม่งดงามอย่างที่ตั้งใจไว้และไม่เหมือนกับองค์ต้นแบบ คือ สมเด็จพระพุทธชินสีห์ ทำให้คณะกรรมการที่จัดสร้างรู้สึกกังวลใจและเศร้าหมองเป็นอย่างมากจนกระทั่งอัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานบนฐานชุกชีก่อนเพื่อรอฉลองในวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่สบายใจ
ในที่สุดปาฏิหาริย์แห่งองค์สมเด็จพุทธญาณนเรศวร์ก็บังเกิดในวันรุ่งขึ้นเมื่อทำพิธีฉลองสมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์ ทรงมีวรรณรัศมีที่เปล่งประกายออกมา พระพักตร์ที่เดิมไม่งดงามนักเปลี่ยนเป็นพระพัตร์ที่งดงามทรงบารมีน่าเกรงขาม ยังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการทุกคนถึงกับขนลุก
เมื่อถึงกำหนด เสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินขึ้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ยอดพระเกศ อีกทั้ง ครูบาอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีในพระอุโบสถต่างกล่าวว่าเป็นเพราะพรหมเทพสำคัญๆ หลายองค์ได้อัญเชิญพุทธรัศมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงตรงมายังองค์สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์ พรหมเทพ จึงแวดล้อมมากมาย ยังให้เกิดปาฏิหาริย์ยังความสง่างามให้บังเกิดสมพระบารมี
Cr. ป๊อบ วัดบวรฯ
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมาประธานประจำอุโบสถ ได้รับการถวายพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์" สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ประวัติวัดญาณสังวราราม
วัดญาณสังวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร สังกัดธรรมยุตินิกาย ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นองค์ประธานจัดสร้างวัด เมื่อปี ๒๕๑๙ นายแพทย์ขจร และคุณหญิงนิธิวดี อันตระการ พร้อมด้วยบุตรธิดา ได้ถวายที่ดินแด่สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภทบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ประมาณ ๓๐๐ 3ไร่เศษ ต่อมา คณะผู้ริเริ่มสร้างวัดได้ร่วมกันจัดซื้อที่ดินที่ติดต่อเขตวัดถวายเพิ่มเติมอีกประมาณ ๖๐ ไร่เศษ รวมเป็นเนื้อที่ดินทั้งหมด ๓๖๖ ไร่ ๒ งาน ๑๑ ตารางวา เพื่อขอให้สร้างวัด และขอใช้ชื่อว่า "วัดญาณสังวราราม" การสร้างวัดได้ดำเนินการมาโดยลำดับ
วัดญาณสังวราราม ได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นสำนักสงฆ์ญาณสังวราราม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ และได้รับอนุญาตให้ดำเนินการสร้างเป็นงวดจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้รับการประกาศตั้งชื่อเป็นวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ และได้รับพระราชทานวิสุงดามสีมา ตามพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ (ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๙ ตอนที่ ๔๓)
ในปัจจุบัน วัดญาณสังวรารามมีเนื้อที่รวมทั้งหมด ๓๖๖ ไร่ ๒ งาน ๑๑ ตารางวา ไม่รวมถึงพื้นที่โครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ประมาณ ๒,๕๐๐ ไร่ โดยมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รักษาการเจ้าอาวาส
การสร้างวัดญาณสังวราราม มีจุดมุ่งหมายให้เป็นสำนักปฏิบัติ คือ เน้นทางด้าน สมถและวิปัสสนาและเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่บรรพชิตและคฤหัสถ์ในทางการศึกษาอบรมพระธรรม วินัย รวมทั้งพื่อให้เป็นที่ยังประโยชน์ในการบำเพ็ญอเนกกุศลต่าง ๆ ด้วย
เนื่องจากวัดญาณสังวราราม สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ อันเป็นสมัยที่ยอมรับทั่วไปว่า ความร่มเย็นเป็นสุขของไทย เกิดแต่พระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จพระภัทรมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยแท้ และสืบเนื่องต่อขึ้นไปถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จบุรพบรมกษัตริยาธิราชเจ้า อีกสองพระองค์ พระผู้ทรงกอบกู้ไทยให้กลับเป็นไท สมัยที่เกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกับสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช
พุทธสถาน/ถาวรวัตถุ/สถานที่สำคัญ
วัดญาณสังวราราม ได้วางแผนผังและรูปแบบในการสร้างวัด โดยแบ่งพื้นที่เพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อย เป็น ๔ เขต คือ
เขตที่ ๑ เขตพุทธาวาส เป็นสถานที่ตั้งปูชนียสถาน โบราณวัตถุ มีพระอุโบสถ พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ พระมหามณฑปพระพุทธบาท ภปร.สก. ศาลาอเนกกุศล สว.กว. และศาลาอเนกกุศลมวก.สธ. เป็นต้น
เขตที่ ๒ เขตสังฆาวาส แบ่งเป็นสองส่วน คือ พื้นที่ส่วนล่างและพื้นที่ส่วนบน ประกอบด้วยพื้นที่เขาชีโอนและเขาชีจรรย์ และทั้ง ๒ พื้นที่ ใช้เป็นสถานที่ ก่อสร้างเสนาสนะกุฏิน้อยใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของพระภิกษุ สามเณร เป็นต้น
เขตที่ ๓ เขตโครงการพระราชดำริ เป็นสถานที่โครงการพระราชดำริ มีเรือนรับรอง อ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตรกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การฝึกอบรมพิเศษ วนอุทยาน บริเวณอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ เป็นต้น
เขตที่ ๔ เขตอุบาสกอุบาสิกา เป็นสถานที่ตั้งศาลาโรงธรรม ที่พักอาศัยของ บรรดาพุทธศาสนิกชน ผู้มาอยู่ประพฤติธรรม รักษาศีลฟังธรรม ปฏิบัติจิตภาวนาเป็นต้น
1. พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ขนาดกว้าง 13.30 เมตร ยาว 21.00 เมตร ลักษณะทรงจีน หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ หน้าบันลายปูนปั้น สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบรีมหาราช โดยดัดแปลงจากแบบพระอุโบสถเก่าคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2523
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และทรงวางศิลาพระฤกษ์พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2525 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
2.พระพุทธปฏิมาประธานประจำอุโบสถ ได้รับการถวายพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์" สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีขนาดประมาณองค์พระพุทธชินสีห์ในประอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร หน้าพระเพลา 5 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทางเททองหล่อ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2523 ณ บริเวณมณฑลพิธีหน้าพระอุโบสถเก่าคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร
3.พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และพระบรมราชวงศ์จักรี มีฐานกว้าง 39.00 เมตร สูง 39.00 เมตร ได้เริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2524 ชั้นล่างเป็นห้องโถงใหญ่ เพื่อการบำเพ็ญกุศลต่างๆ ชั้นที่สองประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีชนวนจากพื้นปฐพีถึงที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ด้านนอกชั้นที่สามมีซุ้มประดิษฐาน พระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือ พระภปร.ด้านหน้า พระไพรีพินาศ(ด้านขวาของพระภปร. ) และพระชินราชสีหศาสดา (ด้านซ้ายของพระภปร.) ส่วนชั้นที่ 2 เป็นซุ่มตราพระมหาจักรีซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอันเชิญขึ้นประดิษฐานเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2528
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ 30 เมษายน2525
พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ มีความหมายว่า "พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุเพื่อ ความพิพัฒนาสถาพรแห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์" น้อมเกล้าฯ ถวายพระบรมราชวงศ์จักรี มีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นองค์ปฐม และสมเด็จพระภัทรมหาราช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหิตลาธิเบศร รามาธิบดีจักรีนฤาดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถพิตร รัชการที่ 9 เป็นองค์ปัจจุบัน
4. พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร.สก. มีขนาดกว้าง 9.00 เมตร สูง 33.00 เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงพระมหากรุณาพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยย่อ สก. ประดิษฐานที่องค์พระมหามณฑป
พระมหามณฑปพุทธบาทนี้ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างบนพื้นที่ยอดเขา (เขาดินเดิม) เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ทรงมณฑป ชั้นล่างแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นที่อยู่อาศัยของสงฆ์ ตอนที่ 2 เป็นถังเก็บน้ำสะอาดเพื่อการบริโภค ชั้นบนเป็นส่วนของอาคาร ที่จะประดิษฐานรอบพระพุทธบาทคู่ องค์พระมณฑปประดับด้วยโมเสกสีทองจรดยอด ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานโมเสกสีทอง ซึ่งรื้อมาจากการบูรณะปฏิสังขรณ์ พระเจดีย์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม บริเวณพื้นองค์มณฑปปูด้วย หินแกรนิตไทย กำแพงแก้วทำหินล้างสีขาว ราวบันไดพญานาคขึ้นลงมณฑปประดับด้วยกระเบื้อง เคลือบเกล็ดพญานาคสีขาว ขั้นบันได 200 ขั้น ปูด้วยหินแกรนิตไทย ช่วงล่างของบันไดพญานาคสร้างศาลาทรงไทย 2 หลัง เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญองค์ใหญ่ 2 องค์ พื้นที่จากเชิงเขาถึงบริเวณสร้างมณฑปพระพุทธบาท มีประมาณ 35 ไร่เศษ โปรดเกล้าฯ ให้อนุรักษ์ธรรมชาติเดิมไว้ และโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกต้นไม้สำคัญทางพระพุทธศาสนา ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |