ไฮไลท์
🙏🏻🙏🏻พระบูชาพุทธสิหิงห์ วัดบวรนิเวศ ปี 2545🙏🏻🙏🏻
(((((((สวยแชมป์คมชัดลึกทุกจุด))))))
🔹🔹พระบูชาพระพุทธสิหิงห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2545 เนื้อสัมฤทธิ์ No.299 จัดสร้าง 900 องค์ ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว 2 ถอด มีพระชัยวัฒน์นิรันตราย ที่ฐานองค์พระ 1 องค์ ประกอบพิธีเททองและพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2545
🔹🔹โดยพระเกจิคณาจารย์วิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศ จำนวน 90 กว่ารูป อธิฏฐานจิตปลุกเสก เมื่อวันที่ 21 เมษายน และ 22 เมษายน 2545 องค์นี้ งามแบบสัมฤทธิ์กลับดำ
🔹🔹สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเจิมแผ่นทองแผ่นดวงประสูติ และตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และทรงอธิฏฐานจิต เมื่อ 19 เมษายน 2545
🔹🔹งามและกายากสุดๆ ครับ
บูชาเบาๆ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
🙏🏻🙏🏻พระบูชาพุทธสิหิงห์ วัดบวรนิเวศ ปี 2545🙏🏻🙏🏻
    (((((((สวยแชมป์คมชัดลึกทุกจุด))))))
 
🔹🔹พระบูชาพระพุทธสิหิงห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2545 เนื้อสัมฤทธิ์  No.299 จัดสร้าง 900 องค์ ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว 2 ถอด มีพระชัยวัฒน์นิรันตราย ที่ฐานองค์พระ 1 องค์ ประกอบพิธีเททองและพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร  ปี 2545
🔹🔹โดยพระเกจิคณาจารย์วิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศ จำนวน 90 กว่ารูป อธิฏฐานจิตปลุกเสก เมื่อวันที่ 21 เมษายน และ 22 เมษายน 2545 องค์นี้ งามแบบสัมฤทธิ์กลับดำ
🔹🔹สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเจิมแผ่นทองแผ่นดวงประสูติ และตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และทรงอธิฏฐานจิต เมื่อ 19 เมษายน 2545 
🔹🔹งามและกายากสุดๆ ครับ
บูชาเบาๆ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻

ตำนานพระพุทธสิหิงค์
 
เรื่องตำนานหรือประวัติของพระพุทธสิหิงค์ ได้มีท่านผู้เรียบเรียงไว้แล้วหลายท่าน เช่น พระโพธิรังษี ปราชญ์เชียงใหม่ ได้เขียนเป็นภาษามคธราว พ.ศ. ๑๙๖๐ และบรรยายเรื่องราวมาจนถึง พ.ศ. ๑๙๕๔ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ต่อจากพระโพธิรังษี มาจนถึงปัจจุบันสมัยหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ได้เรียบเรียงใหม่ เป็นตำนานย่อและกล่าวข้อวิจารณ์ในทางโบราณคดี พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปที่พระมหากษัตริย์ลังกาได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๗๐๐ ได้เข้าสู่สยามในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งเป็นสมัยต้นที่ประเทศสยามได้กำเนิดขึ้น ฉะนั้น จึงต้องนับว่าพระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของสยามอย่างแท้จริง แต่ในเมืองไทยเรา พระพุทธรูปที่ทรงพระนามว่าพระพุทธสิหิงค์นั้นมีอยู่ถึง ๓ องค์ คือ
๑. ในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงเทพมหานคร
๒. ในหอพระสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
๓. ในวัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อเป็นดังนี้ ก็เกิดปัญหาว่า องค์ไหนเป็นพระพุทธสิหิงค์ที่พระมหากษัตริย์ลังกาได้ทรงสร้างเมื่อ พ.ศ. ๗๐๐ และเข้ามาสู่สยามในสมัยพ่อขุนรามคำแหง
หลวงบริบาลบุริภัณฑ์ได้เรียบเรียงข้อวิจารณ์ไว้ว่า โดยอาศัยเหตุผลในลักษณะของศิลปกรรมและโบราณคดี และเมื่อเอาลักษณะพระพุทธรูปลังกาเข้ามาเทียบเคียงกันแล้ว ได้เสนอว่าพระพุทธสิหิงค์ที่ได้ลักษณะอันควรเชื่อว่าสร้างในลังกานั้น คือพระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เชิญเสด็จออกมาให้ประชาชนทำสักการบูชาและสรงน้ำ ตามจารีตประเพณีของไทยในวันนักขัตฤกษ์ขึ้นปีใหม่
พระพุทธสิหิงค์พระองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิราบ ส่วนสูง วัดจากพื้นที่ประทับถึงรัศมีได้ ๗๙ เซนติเมตร ส่วนกว้างวัดตามหน้าตัดได้ ๖๓ เซนติเมตร พระสรีระได้ส่วนและงามที่สุด ซึ่งเมื่อยกพระพุทธชินราชจังหวัดพิษณุโลก เสียแล้ว ยากจะหาพระพุทธรูปโบราณในเมืองไทยงดงามได้ส่วนเทียบเทียมพระพุทธสิหิงค์องค์นี้
ตำนานของพระโพธิรังษีกล่าวว่า พระพุทธสิหิงค์นี้เจ้าลังกา ๓ องค์ได้ร่วมพระทัยกันพร้อมด้วยพระอรหันต์ในเกาะลังกาสร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๗๐๐ ก่อนจะสร้างก็ได้ปรึกษาสอบสวนถึงพระพุทธลักษณะอย่างถี่ถ้วน โดยหมายจะให้ได้พระรูปเหมือนองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่าพญานาคซึ่งเคยเห็นองค์พระพุทธเจ้ามาแปลงกายให้ดูเป็นตัวอย่าง ในขณะทำการหล่อช่างคนหนึ่งทำไม่ถูกพระทัยเจ้าองค์หนึ่งเจ้าองค์นั้นทรงพระพิโรธหวดด้วยไม้ ถูกนิ้วมือช่างเจ็บปวด ครั้นเมื่อหล่อพระพุทธสิหิงค์แล้วนิ้วพระหัตถ์พระพุทธสิหิงค์ก็มีรอยพิรุธไปนิ้วหนึ่ง
มาถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง (พ.ศ. ๑๘๒๐-๑๘๖๐) มีพระภิกษุลังกาเข้ามาสู่ประเทศสยาม พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงทราบถึงลักษณะที่งดงามของพระพุทธสิหิงค์ ก็โปรดเกล้าฯ ให้พระยานครศรีธรรมราชแต่งทูตเชิญพระราชสาส์นไปขอประทานพระพุทธสิหิงค์ จากพระเจ้ากรุงลังกา พระเจ้ากรุงลังกาก็ถวายมาตามพระราชประสงค์ พ่อขุนรามคำแหงเสด็จไปรับพระพุทธสิหิงค์ถึงนครศรีธรรมราช แล้วเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัยนั้นโดยตลอดเวลาที่เคลื่อนขบวนเดินทางไป พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประคององค์พระพุทธสิหิงค์ไปตลอดทาง
พระมหากษัตริย์กรุงสุโขทัยทุกพระองค์ได้ทรงเคารพบูชาพระพุทธสิหิงค์ตลอดมา ครั้นเมื่อได้ตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้น ทางสุโขทัยอ่อนกำลัง สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) เจ้ากรุงศรีอยุธยา ได้สุโขทัยไว้ในอำนาจเมื่อ พ.ศ. ๑๙๒๐ พระยาไสยลือไทย เจ้ากรุงสุโขทัย ถูกลดตำแหน่งเป็นพระเจ้าประเทศราชลงมาครองพิษณุโลก ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ที่พิษณุโลกด้วย เมื่อพระยาไสยลือไทยสิ้นพระชนม์แล้วสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ก็โปรดให้เชิญพระพุทธสิหิงค์โดยทางเรือลงมาไว้กรุงศรีอยุธยา
พระยาไสลือไทยจะสิ้นพระชนม์ปีใดไม่แน่ ฉะนั้นจึงไม่ทราบแน่นอนว่า พระพุทธสิหิงค์ได้ประดิษฐานอยู่พิษณุโลกนานเท่าใด
เมื่อทางกรุงศรีอยุธยาได้กรุงสุโขทัยไว้ในอำนาจแล้ว ได้จัดการแบ่งเขตการปกครองออกเป็นสองมณฑลคือ เมืองตาก เมืองกำแพงเพชร และเมืองนครสวรรค์ เป็นมณฑลหนึ่ง มีเมืองกำแพงเพชรเป็นเมืองหลวง ให้พระยายุธิษฐานระเป็นผู้ปกครอง และเมืองสุโขทัย สวรรคโลก กับพิษณุโลกเป็นอีกมณฑลหนึ่ง ให้เจ้านายในวงศ์พระร่วมปกครอง เมื่อสิ้นเจ้านายในวงศ์พระร่วงแล้ว ตามธรรมดารัชทายาทแห่งกรุงศรีอยุธยาขึ้นไปปกครองเอง พระยายุธิษฐานระผู้ครองกำแพงเพชรนั้น ปรากฏว่าเป็นราชบุตรเลี้ยงของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ โดยพระมเหสีของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ นั้นไม่สามีและมีบุตรชายคนหนึ่งก่อนที่จะได้เป็นพระมเหสี พระยายุธิษฐิระปรารถนาจะได้พระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานไว้ที่เมืองกำแพงเพชร จึงให้พระมเหสีผู้เป็นมารดาของตนขอพระพุทธรูปองค์หนึ่ง พระบรมราชาธิราชที่ ๑ พระราชทานและโปรดให้ขุนพุทธบาลผู้รักษาพระ เลือกพระพุทธรูปส่งไปองค์หนึ่ง พระมเหสีได้ให้สินบนขุนพุทธบาล เลือกพระพุทธสิหิงค์ส่งไปทั้งนี้จะเป็นปีใดไม่แน่ แต่ต้องก่อน พ.ศ. ๑๙๓๑ เพราะสมเด็จพระบรมราชาธิราชสวรรคตใน พ.ศ.๑๙๓๑ และมีเรื่องต่อไปว่า ใน พ.ศ. ๑๙๓๑ นี้เองมีภิกษุรูปหนึ่งอยู่ในเมืองกำแพงเพชร ปั้นรูปจำลองพระพุทธสิหิงค์ด้วยขี้ผึ้งแล้วนำพระรูปจำลองนี้ไปเชียงราย เจ้ามหาพรหมผู้ปกครองนครเชียงรายได้เห็นก็ชวนเจ้ากือนาพี่ชาย ผู้ครองนครเชียงใหม่ยกกองทัพไปกำแพงเพชรและขู่ขอพระพุทธสิหิงค์ พระยายุธิษฐระต้องยอมยกพระพุทธสิหิงค์ให้ไปพระพุทธสิหิงค์จึงได้ไปประดิษฐานอยู่เชียงรายใน พ.ศ. ๑๙๓๑
พระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่เชียงรายราว ๒๐ ปี ในขณะอยู่เชียงรายนี้ เจ้ามหาพรหมให้ช่างตัดนิ้วพระหัตถ์พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งพิรุธมาแต่เดิมนั้นออกเสีย แล้วปั้นหุ่นขี้ผึ้งหล่อเนื้อทองสัมฤทธิ์เทติดเข้าใหม่จนนิ้วพระหัตถ์บริสุทธิ์ดี พอถึง พ.ศ. ๑๙๕๐ เชียงใหม่กับเชียงรายเกิดวิวาทถึงกับรบกัน เชียงรายแพ้ เจ้าแสนเมืองมาเจ้าครองนครเชียงใหม่ก็เชิญพระพุทธสิหิงค์ไว้เชียงใหม่ พระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่เชียงใหม่ราว ๒๕๕ ปี สมเด็จพระนารายณ์มหาราชตีเมืองเชียงใหม่ได้ใน พ.ศ. ๒๒๐๕ โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานไว้ ณ วัดพระศรีสรรเพชญ กรุงศรีอยุธยาครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ ๒ เชียงใหม่เป็นพวกพ้องพม่า จึงสามารถเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับเชียงใหม่ได้ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐
มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองเชียงใหม่ได้รวมอยู่กับไทยแล้วพม่ายกกองทัพล้อมเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทยกกองทัพไปขับไล่กองทัพพม่าไปพ้นเมืองเชียงใหม่ ครั้นแล้วสมเด็จฯ กรมพระราชวังบวร จึงทรงเชิญพระพุทธสิหิงค์มากรุงเทพฯ (พ.ศ. ๒๓๓๘) ประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอยู่จนบัดนี้
เมื่อสมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสวรรคตแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธสิหิงค์ลงไปไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พรพุทธสิหิงค์ได้ประดิษฐานอยู่ในที่นั้นมาตลอดรัชกาลที่ ๑-๒-๓ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดพระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเชิญกลับมาไว้วังหน้าเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ ณ วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างเขียนตำนานพระพุทธสิหิงค์ที่ฝาผนังข้างในพระอุโบสถ ยังมิทันสำเร็จก็เสด็จสวรรคตเสียก่อนความคิดที่จะให้ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ ณ วัดบวรสถานสุทธาวาสก็เป็นอันเลิกล้มไป พระพุทธสิหิงค์คงประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์จนทุกวันนี้
ตามประวัติที่กล่าวมาแล้วนั้น อาจสรุปได้ว่า พระพุทธสิหิงค์สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๗๐๐ มีอายุนับถึงเวลานี้ราว พ.ศ. ๗๐๐ มีอายุนับถึงเวลานี้ราว ๑,๗๘๓ ปี และประดิษฐานราว พ.ศ. ๑๘๕๐ ได้เสด็จเข้ามาสู่สยามประเทศ และประดิษฐานอยู่ที่กรุงสุโขทัย ราชธานีแรกของประเทศสยาม ราว ๗๐ ปี
ราว พ.ศ. ๑๙๒๐ ได้ประดิษฐานที่พิษณุโลก ราว ๕ ปี
ราว พ.ศ. ๑๙๒๕ ได้ประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ราว ๕ ปี
ราว พ.ศ. ๑๙๓๐ ได้ประดิษฐานที่กำแพงเพชร ราว ๑ ปี
ราว พ.ศ. ๑๙๕๐ ได้ประดิษฐานที่เชียงราย ราว ๒๐ ปี
ราว พ.ศ. ๒๒๐๕ ได้ประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ราว ๑๐๕ ปี
ราว พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้ประดิษฐานที่เชียงใหม่ ราว ๒๘ ปี
ราว พ.ศ. ๒๓๓๔ ได้ประดิษฐานที่กรุงเทพฯ จนถึงบัดนี้ ๑๔๔ ปี
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์เรื่องราวของพระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์กรุงเพทมหานคร ไว้ความว่า
"เรื่องตำนานของพระพุทธสิหิงค์นี้ว่า เดิมพระเจ้ากรุงลังกาองค์ ๑ ทรงสร้างขึ้นไว้ พระเจ้านครศรีธรรมราชไปขอมาถวายสมเด็จพระร่วง(รามราช) พระเจ้ากรุงสุโขทัยๆ ทรงปฏิบัติบูชามาหลายรัชกาลจนสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ กรุงศรีอยุธยาได้เมืองสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาไว้ในกรุงศรีอยุธยา อยู่ได้หน่อยหนึ่งพระมเหสีคิดอุบายทูลขอให้พระยาญาณดิศผู้เป็นบุตร ไปไว้ ณ เมืองกำแพงเพชร อยู่นั่นไม่ช้าพระยามหาพรหม เจ้าเมืองเชียงรายกองทัพมาตีเมืองกำแพงเพชรพระยาญาณดิศสู้ไม่ได้ยอมเป็นไมตรี พระยามหาพรหมจึงขอพระพุทธสิหิงค์ไปไว้เมืองเชียงราย ต่อมาพระยามหาพรหมเกิดวิวาทกับพระเจ้าแสนเมืองมาเจ้านครเชียงใหม่ผู้เป็นหลาน พระเจ้าแสนเมืองมายกกองทัพไปตีได้เมืองเชียงราย จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมากับพระแก้วมรกตด้วยกัน พระพุทธสิหิงค์อยู่มาในเมืองเชียงใหม่ จนสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ได้ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๒๐๕ จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมากรุงศรีอยุธยา ประดิษฐานไว้ในวัดพระศรีสรรเพชญ พระพุทธสิหิงค์อยู่ในกรุงศรีอยุธยาต่อมาตลอด ๑๐๕ ปี จนเสียพระนครแก่พม่าข้าศึก สมัยนั้นชาวเชียงใหม่ยังเป็นพวกพม่า จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปไว้เมืองเชียงใหม่
ครั้นถึงรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ ไทยได้มณฑลภาคพายัพกลับมาเป็นของไทย แต่ในสมัยนั้นผู้คนร่อยหรอไม่พอจะตั้งรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้ต่อสู้พม่าได้ ต้องทิ้งเมืองเชียงใหม่ให้ร้าง คงรักษาแต่นครลำปางเป็นที่มั่นอยู่คราว ๑ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงพระดำริว่า พระพุทธสิหิงค์เคยเป็นพระพุทธรูปสำคัญในกรุงศรีอยุธยา โดยมีตำนานดังแสดงมา จึงได้โปรดให้เชิญลงมายังกรุงเทพฯ เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๓๘
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านอุดมมงคล พระเครื่อง พระบูชา
อุดมมงคล พระเครื่อง พระบูชา
อุดมมงคล พระเครื่อง พระบูชา สายสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณส้ังวร (เจริญ สุวัฑฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพระมหากษัตริย์ไทย พระบรมวงศานุวงศ์
เบอร์โทร : 0837089292
อีเมล : pmpetch@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม